นักเรียนน้อย
นายพันร่ายทุ่ง
การทำงานของหมาใน๑...
จัดให้ตามที่ขอ ประมาณนี้ไหวไหมครับ นายจ่อย *** ฉบับทดลอง... ได้โปรดแนะนำและวิจารณ์ครับ ***
๑...
ความเฉอะแฉะเปียกชื้นทำให้หลายคนไม่ชอบเดินทางท่องป่าในหน้าฝน บางคนถ้ารู้ว่าต้องมาเผชิญกับกองทัพทากก็พลอยให้งดเข้าป่าหน้านี้ไปเลย
ความจริงป่าแต่ละฤดูมีเสน่ห์มีความงามในแบบฉบับของตัวเอง หน้าฝนป่าเขียวขจีมีน้ำท่าอาหารอุดมสมบูรณ์ เป็นฤดูกาลแห่งความสุขของสรรพชีวิตในป่าใหญ่คนที่เข้าป่าหน้าฝนอาจจะลำบากอยู่บ้าง แต่อุปสรรคก็มีไว้ให้ฝ่าฟันมิใช่หรือ!
บ่อน้ำมหัศจรรย์ยังเป็นตัวเลือกแรกสำหรับการเรียนรู้ ถึงตอนนี้นกจะมีที่ให้เลือกไปใช้น้ำได้มากมาย แต่ผมก็เลือกมาเฝ้ารออยู่ในบังไพรเผื่อว่าจะพบเห็นพฤติกรรมใหม่ๆ ของนกที่อาจต่างไปจากในฤดูแล้ง รวมทั้งอาจมีนกหรือสัตว์ชนิดใหม่มาใช้น้ำ
ฝนโปรยละอองมาตั้งแต่เช้า แม้จะหยุดตกในตอนสายแต่ท้องฟ้าก็ยังอึมครึม สำหรับคนเดินทาง-ถ่ายภาพมันเป็นช่วงเวลาเหงาๆที่ต้องพบกับสภาพอากาศที่ยากยิ่งต่อการทำงาน
ตลอดทั้งวันมีแค่นกจับแมลงจุกดำกับนกระวังไพรปากเหลืองที่มาเล่นน้ำ จนกระทั่งหลังห้าโมงเย็น ผมก็ได้ยินเสียงร้องที่เริ่มคุ้นเคยเมื่อออกมาใช้ชีวิตในป่าใหญ่
เป๊บ ๆๆ เสียงร้องแสดงอาการตื่นตกใจของกวางป่าดังแว่วมา บางทีมันอาจจะเจอสัตว์แปลกหน้าอย่างมนุษย์ หรือกำลังถูกไล่ต้อนจากสัตว์ผู้ล่า
เสียงกวางป่าเงียบหายไปได้ไม่นานก็ดังขึ้นอีก คราวนี้มันร้องถี่ขึ้นและนานกว่าเดิม ผมจึงเก็บของรีบรุดออกจากบังไพรตั้งใจจะขับรถตามไปดูเหตุการณ์
ระหว่างทางก่อนถึงที่จอดรถพี่หวอก็ขับรถสวนทางมาและร้องบอก “ไปๆ ขึ้นรถ หมาในกำลังกัดกวาง” ผมกระโดดขึ้นกระบะหลังรถทันที
เรามุ่งหน้าตามเสียงกวางป่าไปได้พักเดียวก็มาถึงที่เกิดเหตุ ความจริงพี่หวอมาพบเหตุการณ์ก่อนผม แต่ฟิลม์หมดไม่มีสำรองจึงต้องย้อนกลับไปเอาที่บ้านพักผมเลยพลอยโชคดีมาทันเห็นเหตุการณ์
เรากึ่งเดินกึ่งวิ่งไปอีกราว ๓๐๐ เมตรก็ถึงริมน้ำ มีหมาใน ๓ ตัวกำลังไล่กัดกวางป่าอยู่ในน้ำ หมาใน ๒ ตัวเลือกกัดที่ส่วนหน้าบริเวณดวงตาทั้งสองข้างของกวางป่า
อีกตัวหนึ่งกัดอยู่ที่ขาหลัง มีอีกตัวเดินไปมาอยู่บนฝั่งด้านตรงข้ามกับจุดที่เรายืนอยู่ โชคดีที่ตรงนั้นเป็นพุ่มไม้ใหญ่ให้พอได้อาศัยหลบซ่อนตัว แต่โชคร้ายคือเราไม่มีจุดที่จะถ่ายภาพได้ดีๆ มีกิ่งไม้บังไปหมด รวมทั้งต้นกกที่อยู่ริมน้ำก็สูงจนบดบังบริเวณที่หมาในกำลังไล่ล่ากวางป่า
กวางป่าตัวเมียขนาดโตเต็มที่ไม่ยอมตกเป็นเหยื่อง่ายๆ มันสลัดตัวที่กัดขาหลังจนหลุดและหนีลงไปในน้ำลึกกว่าเดิม ทว่ายังเหลือหมาในที่กัดอยู่ที่ดวงตาทั้งสองข้าง
กวางป่าสะบัดหัวไปมาหลายครั้ง แต่ไม่อาจสลัดหลุดปากหมาในที่งับติดแน่น จนเมื่อกวางป่าสะบัดหัวขึ้นอย่างแรงส่งตัวหมาในลอยพ้นผืนน้ำขึ้นไปในอากาศ
พอสะบัดอีกครั้งจึงเป็นอิสระและดิ้นรนหลบหนี แต่ก็ถูกฝูงหมาในเข้าโจมตีอย่างต่อเนื่อง
พี่หวอช่วยรั้งกิ่งไม้ออกให้ผมถ่ายภาพก่อน ผมต้องเขย่งยืนด้วยปลายเท้า กลั้นลมหายใจเกร็งข้อมือซ้ายประคองเลนส์ ส่วนมือขวาพยายามกดชัตเตอร์อย่างมั่นคงที่สุด
เพราะขาตั้งกล้องหมดสิทธิ์ใช้งานในสภาพนี้
เวลาผ่านไปไม่น้อยกว่า ๑๕ นาที ฝูงหมาในดูอ่อนล้าจากการทำงานที่ต้องใช้พละกำลังมากเป็นพิเศษ เพราะต้องว่ายน้ำเข้าโจมตี การเคลื่อนที่ของหมาในเริ่มช้าลง
มี ๒ ตัวหมดแรงอย่างเห็นได้ชัดและลอยคอกลับขึ้นฝั่ง แต่ตัวที่ดูจะมีขนาดใหญ่กว่าเพื่อนยังไม่ยอมเลิกรา ผมเดาเอาว่ามันน่าจะเป็นจ่าฝูง ถึงดูอ่อนแรงแต่ยังคงว่ายน้ำเข้าจู่โจมกระโดดขึ้นตะปบหลังเหยื่อเคราะห์ร้ายอย่างไม่ลดละ เที่ยวแล้ว เที่ยวเล่า ดูเหมือนว่าหากเหยื่อไม่ล้ม มันก็ไม่ยอมเลิกรา
แม้กวางป่าจะดูได้เปรียบตรงที่ตัวสูงพอจะยืนอยู่ในน้ำได้ ส่วนหมาในต้องว่ายน้ำและเหลือไล่ล่าอยู่เพียงตัวเดียว แต่หนทางของกวางป่าก็ดูมืดมิด เพราะมันได้สูญเสียดวงตา
ไปทั้งสองข้าง เลือดผสมกับน้ำไหลเป็นทางออกมาจากบริเวณดวงตาของเหยื่อเคราะห์ร้าย เหี้ยตัวใหญ่ที่อยู่บริเวณนั้นมาตั้งแต่แรกยังคงว่ายน้ำวนไปเวียนมาอยู่รอบๆ มันคงรู้ว่าอีกไม่นานจะมีอาหารที่เป็นผลพลอยได้จากการทำงานของหมาใน
ก่อนหน้านี้ผมเคยเห็นฝูงหมาในไล่ลูกกวางป่าไปจนมุมที่ชายน้ำ หมาใน ๒ ตัวกัดที่บริเวณหน้า อีกตัวหนึ่งกัดเข้าที่ขาหลัง หมาในจัดการเหยื่อได้อย่างรวดเร็วและช่วยกันลากเหยื่อขึ้นจากน้ำ แม้แม่กับกวางพี่เลี้ยงจะเข้าไปช่วย แต่ก็ช่วยแบบกล้าๆ กลัวๆ หมาในจึงลากเหยื่อผ่านหน้าไปอย่างไม่สะทกสะท้านหายลงไปในหุบติดลำธาร เหตุการณ์คราวนั้นเกิดขึ้น
เร็วมาก ผมเห็นแค่ว่าหมาในกัดเหยื่อแบบไหน มาคราวนี้ถึงผมไม่เห็นเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้น แต่ก็เริ่มปะติดปะต่อการทำงานของหมาในได้บ้าง ในการจู่โจมจะมีหมาในตัวหนึ่งคุมเชิงอยู่รอบนอกคอยเป็นยามระวังภัยให้กับฝูงที่กำลังทำงาน ส่วนหน่วยจู่โจมเมื่อเข้าประชิดตัวเหยื่อ พวกหนึ่งจะเข้ากัดที่ดวงตาเพื่อทำลายการมองเห็น เหยื่อจะได้หนีลำบาก อีกพวกหนึ่ง
จะกัดบริเวณขาหลังเพื่อจะให้เหยื่อล้ม หากเหยื่อล้มลงหมาในจะรุมเล่นงานได้ง่ายขึ้น
หลังจากล้างฟิลม์สไลด์มีภาพที่บอกเล่าเรื่องราวได้ดีอยู่ภาพหนึ่ง เพื่อนฝูงหลายคนมีโอกาสได้เห็น หลายคนเบือนหน้าหนีและบอกว่า... ทำใจยอมรับได้ยาก
ฉากชีวิตที่เห็นอาจจะดูทารุณและโหดร้าย แต่เราต้องเปิดใจให้กว้างเพื่อทำความเข้าใจ มันเป็นเรื่องปรกติของวิถีชีวิตในธรรมชาติ ทุกชีวิตต่างมีหน้าที่ของตนเอง สำหรับหมาในนี่เป็นเพียงแค่การทำงานเพื่อดำรงชีวิต หนึ่งชีวิตเพื่ออีกหลายชีวิตจะอยู่รอด เมื่อภาพปรากฏออกไปในวงกว้าง ผมได้รับคำถามตามมาไม่น้อย...
*** ปรับปรุง ตามคำแนะนำครับ **
ภาพ “การทำงานของหมาใน” ปรากฏสู่สายตาสาธารณชนเป็นครั้งแรก เมื่อนำไปแสดงในงานวันคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๔๔ หลังจากที่ได้รับรางวัลชนะเลิศถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จากการประกวดภาพถ่ายอนุรักษ์ธรรมชาติ “สัตว์มีค่า ป่ามีคุณ” ของกรมป่าไม้ในปีนั้น
ในงานมีคนถามหลายเรื่อง คนที่สนใจการถ่ายภาพมักถามว่า “ไปถ่ายมาได้ยังไง” แต่คนทั่วไปจะถามว่า “กวางตัวนั้นรอดหรือเปล่า” หรือ “คิดจะช่วยกวางบ้างไหม” และ “กวางถูกล่าแบบนี้จะไม่หมดไปจากป่าหรือ” ฯลฯ ผมไม่แน่ใจว่าคนส่วนใหญ่ที่ตั้งคำถาม เคยเห็นหมาในตัวจริงในธรรมชาติมาก่อนหรือไม่ แต่ผมพอจะสรุปได้ว่า พวกเขามีทัศนคติในแง่ลบกับหมาใน เรื่องนี้ไม่แปลกใจนัก เพราะแม้แต่คนที่เคยเห็นหมาในตัวเป็นๆ ก็ยังตั้งข้อสังเกตต่างๆ กันไป บางคนว่ามันเป็นนักล่าที่ฆ่าเหยื่อเป็นว่าเล่น ฆ่าแล้วก็กินทิ้งกินขว้าง จากนั้นก็หันไปล่าเหยื่อตัวใหม่ บางคนเคยเจอฝูงหมาในเพ่นพ่านไม่ไกลจากบ้านพัก หรือบางครั้งเห็นมันไล่ล่าเหยื่อเข้ามาใกล้คนที่เฝ้าดูอยู่ต่อหน้าต่อตา ก็สรุปเอาว่าพวกมันไม่กลัวใคร แม้แต่มนุษย์ กิตติศัพท์ของหมาในจึงมีแต่ด้านที่ร้ายๆ
แม้ผมจะไม่เห็นด้วยกับอคติที่คนส่วนใหญ่มีต่อหมาใน แต่ด้วยประสบการณ์อันน้อยนิด ทำให้ผมไม่อาจโต้แย้ง ผมจึงออกติดตาม ค้นหา และเรียนรู้ชีวิตของหมาใน เพื่อหาคำตอบให้กับข้อกล่าวหา รวมทั้งข้อสงสัยส่วนตัวอีกหลายเรื่อง แต่กว่าที่ผมจะพูดได้ว่าพอรู้จักพวกมันบ้าง ก็ต้องใช้เวลากว่า ๓ ปี...