อยากให้มากกว่าคำว่า "ขอบคุณ" แต่นึกไม่ออกว่าจะให้อะไรดี ถึงจะสมกับค่าของกระทู้นี้
งั้นสรุปว่า...รักน้าเบสุด ๆ เลย ละกัน นะ นะ จุ๊บ จุ๊บ
....ไปแระ ยายแม้นเหล่มาแล้ว....
อยากให้มากกว่าคำว่า "ขอบคุณ" แต่นึกไม่ออกว่าจะให้อะไรดี ถึงจะสมกับค่าของกระทู้นี้
งั้นสรุปว่า...รักน้าเบสุด ๆ เลย ละกัน นะ นะ จุ๊บ จุ๊บ
....ไปแระ ยายแม้นเหล่มาแล้ว....
นักเรียนน้อย (28th June 2012), ยายแม้น (28th June 2012), ลุงช้างกับป้าตา (19th February 2014)
....จะทำอะไร..ป้าฯอย่าให้มันดูประเจิด..ประเจ้อ...เกินเลยไปนัก..
.....บอร์ดนี้มีเด็กเล็กดูอยู่ด้วย(..ไอ้จุก...งัย..)....ขอเถอะ.....นะจ๊ะ...
.....จะมา..จุ๊บ../..มา..จิ๊บ..กันในกระทู้แบบนี้...มันดูโป้งโล้ง..โล่งแจ้งมากไปหน่อย...
.....ลูกเขามีพ่อมีแม่นะจ๊ะ....พี่เค๊าเขาจะเสียนะ..!!.
.....ระงับจิต...ระงับใจไว้บ้าง..เราเป็นหญิง...
.....ป้าฯไปหาเอาข้างหน้าเถอะ...ยายขอ...หวงอ่ะ...ขอบอก..อิอิ..งุงิงุงิ....
ปล......พี่เบ...นี่สเป็คยายเลย..!!.....ยายขอไว้ซักคน...
..นาปีนี้นี้หากได้ข้าวซัก 40 เกวียน...จะให้แม่ไปขอแระ....555
TOR-HONG (28th June 2012), คุณหญิงกระแตแต้แว้ด (29th June 2012), นักเรียนน้อย (28th June 2012), ลุงช้างกับป้าตา (19th February 2014)
ลุงช้างกับป้าตา (19th February 2014)
Surin (5th July 2012), TOR-HONG (3rd July 2012), ยายแม้น (3rd July 2012), ลุงช้างกับป้าตา (19th February 2014)
๔...
เข้าสู่ช่วงเดือนที่ควรจะเป็นฤดูหนาว แต่ยังมีฝนตกลงมาเรื่อยๆ และอากาศก็ไม่หนาวสักที
ที่ศาลาพรมแม้กวางป่ายังมารวมฝูงตามปรกติ แต่ไม่พบหมาในเข้ามาล่าเลย พบเห็นแค่ฝูงหมาใน
เดินทางผ่านไปมา จนไปพบซากกวางป่าที่ริมหนองน้ำห่างจากศาลาพรมราว ๓ กิโลเมตร
ถึงรู้ว่าหมาในเปลี่ยนไปซุ่มล่าเหยื่ออยู่ตามแหล่งน้ำเล็กๆ ที่ยังมีน้ำ ซึ่งในปีก่อนแหล่งน้ำนั้นแห้งขอด
ส่วนที่ทุ่งกะมังหมาในก็ไม่ได้ล่าในบริเวณเดิม ข่าวการปรากฏตัวตามที่ต่างๆ เป็นสถานที่ใหม่ๆ
ที่ผมไม่เคยบันทึกไว้ ผมจึงต้องกลับไปแกะรอยหมาในใหม่ จนเข้าสู่ฤดูฝนถึงพบตัว
เมื่อฝนแรกร่วงหล่นมา ผืนป่าที่แห้งแล้งก็กลับมาสู่ความเขียวขจี หญ้าที่เคยเหี่ยวแห้งเริ่ม
แทงแตกยอดใหม่ กวางป่าจะพากันมาหากินอยู่ตามริมน้ำที่มีหญ้าอ่อนขึ้นอยู่มากมาย
เย็นวันหนึ่งหมาในเข้าโจมตีฝูงกวางป่าที่หากินอยู่ติดกับริมน้ำ หมาในล้มเหลวเมื่อเจอการ
ป้องกันอย่างเข้มแข็งจากกวางตัวผู้หลายตัวที่มีเขาขนาดใหญ่และแข็งแรง ไม่ใช่เรื่องง่ายที่
หมาในจะล่าเหยื่อขนาดใหญ่ได้ พวกมันต้องใช้เวลาหลายวันตามหาเป้าหมายที่พอจะล่าได้
หรือบางครั้งก็วนเวียนอยู่นานเป็นสัปดาห์จึงมีโอกาสล้มกวางป่าสักหนึ่งตัว หลายครั้งที่ต้องล่า
ถอยเมื่อเผชิญหน้ากับกวางป่าที่แข็งแกร่ง การบาดเจ็บและบาดแผลที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงาน
ย่อมไม่มีใครเห็น
Surin (5th July 2012), TOR-HONG (3rd July 2012), นายจ่อย (7th August 2012), ยายแม้น (3rd July 2012), ลุงช้างกับป้าตา (19th February 2014)
หากหมาในยังล่าไม่ได้และมีเหยื่อหากินอยู่ในบริเวณนั้น พวกมันจะหาโอกาสลงมือจน
กว่าจะสำเร็จ หรือไม่ก็จนกว่าจะมีเป้าหมายใหม่ ผมพอจะรู้จักนิสัยของหมาในอยู่บ้างจึง
มาเฝ้ารออยู่ที่ริมน้ำ หวังจะได้ถ่ายภาพการทำงานของหมาในอย่างสมบูรณ์แบบตั้งแต่ต้นจนจบ
เพราะถึงจะพบเห็นและถ่ายภาพมาหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้ดังที่หวังเอาไว้สักที
ช่วงฤดูฝนนอกจากจะต้องผจญกับกองทัพทาก ผมยังต้องคอยรบกับแมลงนานาชนิด
การทำงานกับสัตว์ป่าที่มีฆานประสาทดีเยี่ยมจึงไม่สามารถทาหรือใช้เครื่องป้องกันใดๆ
ที่มีกลิ่นผิดไปจากธรรมชาติ การรอในบังไพรแคบๆ แล้วมีแมลงมาไต่ตอมมันย่อมไม่ใช่
สิ่งที่น่ารื่นรมย์นัก ระหว่างที่คอยไล่แมลงที่บินอยู่ข้างๆ หูก็มีเสียงเหมือนตัวอะไรกระโจนลงน้ำ
มองลอดช่องบังไพรออกไปฝั่งตรงข้ามไกลกว่า ๒๐๐ เมตรก็เห็นกวางป่าตัวเมีย ๓ ตัวยืนอยู่ในน้ำ
ด้านหลังที่วิ่งอยู่บนฝั่งตามมาติดๆ คือฝูงหมาใน เสียงเห่าสั้นๆ แบ็กๆ แบ็กๆ ดังระงม
หมาในตัวหนึ่งกระโจนลงน้ำ ว่ายน้ำตรงเข้าหากวางป่า ทำให้กวางป่าหันกลับมาใช้สองขาหน้าถีบสู้
จนน้ำกระจาย เมื่อได้จังหวะกวางป่าจึงหนีจะไปขึ้นฝั่งอีกด้านหนึ่งที่เป็นดงทึบ แต่ก่อนจะถึงฝั่งกวางป่า
ก็ต้องชะงัก เมื่อมีหมาในหลายตัวโผล่ออกมาจากราวป่ากระโจนลงน้ำเข้าสกัดกั้นไม่ยอมให้ขึ้นจากน้ำ
Surin (5th July 2012), TOR-HONG (3rd July 2012), นายจ่อย (7th August 2012), ยายแม้น (3rd July 2012), ลุงช้างกับป้าตา (19th February 2014)
กวางป่าหันกลับลอยคอตัดเวิ้งน้ำหนีลงน้ำลึก ส่วนหมาในก็ว่ายตามอย่างไม่ลดละ
จนไล่ต้อนกวางป่าเข้ามุมอับ หมาในตัวหนึ่งจึงกระโจนเข้ากัดหมายจะขย้ำคอเหยื่อแต่พลาด
กวางป่าเอี้ยวตัวหลบหันกลับมาใช้สองตีนตบลงบนหัวหมาในอย่างจังจนจมหายลงไปในน้ำ
หลายชั่วอึดใจกว่าหมาในตัวนั้นจะโผล่ขึ้นมาและลอยคอออกห่าง มันคงรู้ฤทธิ์เดชของกวางป่า
เข้าบ้างแล้ว
หมาในตัวอื่นๆ เมื่อเห็นเพื่อนถูกตอบโต้จึงได้แต่ลอยคออยู่รอบๆ ไม่กล้าผลีผลามเข้าโจมตี
กวางป่าที่หันหน้าเข้าสู้ใช้สองขาหน้าเป็นอาวุธป้องกันตัวอย่างได้ผล แต่มีตัวหนึ่งที่ดูตื่นกลัว
ได้แต่หลบอยู่ข้างหลังเพื่อน
กวางป่าตีฝ่าวงล้อมหนีออกมาได้อีกครั้ง ตัวที่แข็งแกร่งยังรักษาระยะห่างจากหมาในได้เป็นอย่างดี
แต่ตัวสุดท้ายที่ตื่นกลัวที่สุดดูอ่อนแรง จนหมาในว่ายน้ำตามมาทัน หนึ่งในฝูงกระโจนขึ้นคร่อมหลัง
ทำให้กวางป่าเสียหลักและช้าลง อีกตัวหนึ่งจึงได้จังหวะตรงเข้ากัดที่ส่วนหน้าพยายามดึงให้จมน้ำ
แต่ไม่สำเร็จกวางป่าดิ้นรนสลัดจนหลุด ทว่า... สายเกินไป
Surin (5th July 2012), TOR-HONG (3rd July 2012), นายจ่อย (7th August 2012), ยายเพิ้ง&ฅนเดินทาง (8th July 2012), ยายแม้น (3rd July 2012), ลุงช้างกับป้าตา (19th February 2014)
หมาใน ๖ ตัวได้ลอยคอรุมล้อมกวางป่าที่อ่อนล้าตัวนั้นเอาไว้ กวางป่า ๒ ตัวเมื่อเห็นเพื่อนเสียท่า
จึงหันกลับเข้ามาช่วย แต่ก็ถูกหมาใน ๒ ตัวว่ายน้ำออกไปสกัดไม่ให้เข้ามาขัดขวางพวกของมันที่
กำลังรุมเล่นงานเหยื่อ
ฝูงหมาในกัดที่หน้าและจมูก ดึงเหยื่อให้จมลงไปในน้ำครั้งแล้วครั้งเล่า จนเหยื่อสำลักน้ำและ
เริ่มหมดแรง ส่วนกวางป่าคู่นั้นก็ยังพยายามฝ่าด่านเข้ามาช่วยเพื่อน ทำให้หมาในอีก ๒ ตัว
ต้องผละจากเหยื่อช่วยกันเข้าไปไล่ต้อนกวางป่าจนต้องหนีไปยืนใช้ตีนตีน้ำขู่อยู่ไม่ห่างนัก
สุดท้ายจึงเหลือหมาใน ๒ ตัวที่รุมเล่นงานเหยื่อเคราะห์ร้าย หนึ่งในนั้นเป็นตัวที่ถูก
ติดปลอกคอวัยหนุ่มฉกรรจ์อายุราว ๒ ปี ส่วนตัวที่เป็นผู้นำเล่นงานเหยื่อคือจ่าฝูง
จ่าฝูงลากเหยื่อที่ไร้แรงต้านทานเข้าไปในกลุ่มต้นกกที่ตื้นพอให้มันยืนได้ จากนั้นจึงกัดเข้าที่
ลูกตาจนหลุดติดปากออกมา แต่เหยื่อยังดิ้นรนเอาชีวิตรอดด้วยแรงกำลังเฮือกสุดท้าย
ผู้ล่าต้องออกแรงขย้ำเข้าที่คออยู่พักใหญ่จนเหยื่อแน่นิ่งไป
หมาในกัดก้นลากไส้ออกมากินทั้งๆ ที่เหยื่อยังผงกหัวไปมา กินกันไม่กี่คำก็พากันว่ายน้ำ
กลับขึ้นฝั่ง เหยื่อตัวใหญ่และระยะทางไกลเกินกว่าที่มันจะลากกลับขึ้นมากินบนฝั่งได้
...ในที่สุดผมก็ได้ถ่ายภาพฉากการทำงานของหมาในตั้งแต่ต้นจนจบ
Surin (5th July 2012), TOR-HONG (3rd July 2012), นายจ่อย (7th August 2012), ยายเพิ้ง&ฅนเดินทาง (8th July 2012), ยายแม้น (3rd July 2012), ลุงช้างกับป้าตา (19th February 2014)
หมาในชอบกินเหยื่อโดยกัดเปิดก้นหรือท้องเข้าไปลากไส้และเครื่องในออกมากินก่อน
จากนั้นจะกัดฉีกหนังออกแล้วค่อยกินเนื้อที่อยู่ข้างใน มันจะเลือกกินเนื้อในบริเวณที่กิน
ได้ง่ายก่อนขาทั้งสี่ข้างจะเหลือเป็นส่วนท้ายๆ
หมาในมีเทคนิคการทำงานอย่างหนึ่งคือกัดตากวางป่าให้มองไม่เห็น จะได้หลบหนีลำบาก
เมื่อการทำงานสิ้นสุดลูกตาที่หลุดจึงถูกกินเป็นอันดับแรก จ่าฝูงเท่านั้นที่ได้สิทธิ์นี้เพราะคือ
ตัวแรกที่ได้กิน และเท่าที่พบ จ่าฝูงเป็นตัวนำในการกัดตาเหยื่อ
ด้วยเหตุนี้ซากกวางป่าที่ตกเป็นเหยื่อของหมาในจึงไม่เหลือลูกตา เรื่องนี้ทำให้นึกถึงเรื่องเล่า
ตอนเด็กๆ ที่คนเฒ่าคนแก่ชอบเอามาขู่ไม่ให้เด็กออกไปเที่ยวเล่นนอกบ้านยามค่ำคืน
โดยบอกว่าพวกหมาในชอบเยี่ยวรดตามใบไม้หรือโคนต้นไม้ในตอนหัวค่ำ กว่าพิษจะหมดฤทธิ์
ก็ตอนรุ่งสาง เยี่ยวของหมาในมีพิษ ถ้าไปโดนเข้าแล้วเผลอเอามือมาขยี้ตา-ตาจะบอด
แล้วเล่าถึงเรื่องกวางป่าที่ตาบอดเพราะไปโดนเยี่ยวของหมาในเข้า เลยถูกจับกินได้ง่ายๆ
ฉะนั้นจึงห้ามไม่ให้เด็กๆ ออกไปเล่นนอกบ้านในตอนกลางคืน... ไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องเล่าหลอกเด็ก
เฉยๆ หรือว่าคนสมัยก่อนเห็นซากสัตว์ที่ถูกหมาในกินแล้วไม่เหลือลูกตาไว้ เลยเข้าใจว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ
Surin (5th July 2012), TOR-HONG (3rd July 2012), นายจ่อย (7th August 2012), ยายเพิ้ง&ฅนเดินทาง (8th July 2012), ยายแม้น (3rd July 2012), ลุงช้างกับป้าตา (19th February 2014)
จากที่เคยสงสัยว่าหมาในกลัวน้ำ และคิดว่ากวางป่าหนีลงไปในน้ำเพื่อความได้เปรียบที่ตัวสูงกว่า
แต่พอมาเห็นหมาในไล่กวางป่าลงน้ำ และไม่ยอมให้หนีขึ้นจากน้ำทำให้ต้องเปลี่ยนความคิด
หมาในแสดงให้เห็นว่าหากเอาจริง บึงน้ำก็ไม่เป็นอุปสรรค หมาในว่ายน้ำเก่ง มุดน้ำได้
และมีความทรหดอดทนสูง
ปรกติหมาในฝูงนี้มีสมาชิก ๘ ตัว แต่คราวนี้มีไม่น้อยกว่า ๑๒ ตัวที่ทำงานร่วมกัน ยังไม่นับ
ที่อยู่ในชายป่าอีกจำนวนหนึ่ง ผมแน่ใจว่าเป็นการรวมตัวของหมาใน ๒ ฝูงเพื่อล่าเหยื่อ
ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๔๐ พี่กิตติพบหมาในรวมฝูงกันมากถึง ๔๒ ตัว เข้ามาล่ากวางป่าหลายตัว
ในวันเดียวกันบริเวณทุ่งกะมัง หลังจากนั้นมาก็ไม่เคยมีใครพบเห็นหมาในรวมฝูงใหญ่ขนาดนั้น
ในป่าภูเขียวอีกเลย
ธรรมชาติของสัตว์ป่าจะหวงถิ่นและมีอาณาเขตเป็นของตนเอง หากเจ้าถิ่นรู้ว่ามีการรุกล้ำข้ามแดน
จากสัตว์ป่าชนิดเดียวกันจะเข้าไปขับไล่ทันที ถ้าผู้บุกรุกไม่ยอมถอย ก็ต้องต่อสู้กัน บางครั้งอาจหนัก
ถึงขั้นบาดเจ็บล้มตาย การพบหมาใน ๒ ฝูงหากินในพื้นที่เดียวกัน และบางครั้งยังรวมตัวกันล่าเหยื่อ
เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักในสัตว์นักล่าอื่นๆ เหตุผลที่เป็นไปได้คือบริเวณนั้นมีอาหารอุดมสมบูรณ์
เพียงพอต่อการแบ่งปัน หรือว่าเป็นเครือญาติเดียวกันที่แยกออกไปตั้งฝูงใหม่
...และก็เหมือนทุกปีที่ผ่านมาพอเข้าสู่ฤดูมรสุมฝูงหมาในก็หายตัวไป
Surin (5th July 2012), TOR-HONG (3rd July 2012), นายจ่อย (7th August 2012), ยายแม้น (3rd July 2012), ลุงช้างกับป้าตา (19th February 2014)
.....ขอบคุณ.......ขอใด้รับ....การคารวะจากยาย....งามๆ 3 ครั้ง....
.....สุดยอดจริงๆ......
.....สุดยอดแห่งความตั้งใจ....ความอดทน...และความพยายามอันสูงสุด...
.....ทั้งความรู้ที่ยังไม่มีนักวิจัยใดติดตามให้เป็นรูปธรรม.....ทั้งภาพประกอบที่งดงาม..(..แม้จะโหดร้าย..)....
.....ขอขอบคุณ..ขอบคุณ...ด้วยใจ....
TOR-HONG (3rd July 2012), ลุงช้างกับป้าตา (19th February 2014)
คำเดียวสั้นๆเลยครับพี่เบ....สุดยอด
ลุงช้างกับป้าตา (19th February 2014)
นักเรียนน้อย
นายพันร่ายทุ่ง
ภาพ “การทำงานของหมาใน” รางวัลชนะเลิศถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จากการประกวดภาพถ่ายอนุรักษ์
ธรรมชาติ “สัตว์มีค่า ป่ามีคุณ” ของกรมป่าไม้ ประจำปี ๒๕๔๔ (ถ่ายเมื่อ ปลาย พ.ค. ๒๕๔๔ ที่บึงน้ำข้างๆ เรือนประทับฯ ทุ่งกะมัง เขตฯ ภูเขียว)
(Canon eos3 + 300 f4 is +1.4x fuji provia 100 Push 2 stop;speed (ประมาณ) 1/30 s f 5.6 Av mode)
..มิตรภาพหลังม่านชัตเตอร์..https://www.facebook.com/Birdjourney group Thailand
Surin (5th July 2012), ยายเพิ้ง&ฅนเดินทาง (8th July 2012), ยายแม้น (6th July 2012), ลุงช้างกับป้าตา (19th February 2014)
ขอบคุณครับ ได้ความรู้มากเชียวครับ
ย่างเข้าฤดูหนาวผมได้พบเห็นการทำงานของหมาในที่พิเศษกว่าทุกครั้ง นับเป็นครั้งแรกที่
ผมเห็นหมาในตัวเดียวล่าเหยื่อขนาดใหญ่ได้สำเร็จ เหยื่อคือเนื้อทรายตัวผู้ที่มีขนาดใหญ่
กว่าหมาในกว่าเท่าตัว หมาในใช้วิธีไล่เหยื่อให้หนีลงน้ำและตามลงไปดึงให้จมน้ำแค่ไม่กี่อึดใจ
เนื้อทรายที่ใจเซาะก็ขาดใจตาย
วันแรกมันลากเหยื่อขึ้นมากินบนฝั่งเพียงลำพัง วันต่อมาจึงมีหมาในอีกตัวหนึ่งมาร่วมกินซาก
ผมไม่แน่ใจว่าเป็นคู่ที่แยกตัวออกจากฝูงมาถาวร หรือว่าหลบจากฝูงมากินกันแค่นั้น มันเป็น
ฉากการทำงานของหมาในครั้งสุดท้ายที่ผมเห็นก่อนจะยุติการติดตามเรียนรู้วิถีชีวิตของพวกมัน
กว่า ๓ ปีที่ตามรอยหมาใน ผมหาคำตอบได้หลายข้อ ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับความคิดของคนทั่วไปนัก
เช่น หมาในกลัวคนมากที่สุด
หลายครั้งที่ผมสบตากับหมาในใกล้ๆ โดยปราศจากสิ่งพรางตัว ใกล้ที่สุดคือ ๕ เมตร ครั้งนั้น
ผมเห็นพวกมันหยอกล้อเล่นกันอยู่ข้างทางจึงคลานไปหมอบนอนดูอยู่บนถนน แต่แล้วจู่ๆ
หมาในตัวหนึ่งก็โผล่มาจากพงหญ้าจะข้ามถนนตามไปหาเพื่อนๆ เราหันมาสบตากัน
มันยืนนิ่งจ้องมองผมอยู่นาน จนผมยกกล้องจะถ่ายภาพ มันจึงส่งเสียงครางในลำคอและวิ่ง
ข้ามถนนไปหาฝูง จากนั้นฝูงหมาในก็อันตรธานไป
TOR-HONG (13th July 2012), ลุงช้างกับป้าตา (19th February 2014)