อยากให้มากกว่าคำว่า "ขอบคุณ" แต่นึกไม่ออกว่าจะให้อะไรดี ถึงจะสมกับค่าของกระทู้นี้
งั้นสรุปว่า...รักน้าเบสุด ๆ เลย ละกัน นะ นะ จุ๊บ จุ๊บ
....ไปแระ ยายแม้นเหล่มาแล้ว....
Printable View
อยากให้มากกว่าคำว่า "ขอบคุณ" แต่นึกไม่ออกว่าจะให้อะไรดี ถึงจะสมกับค่าของกระทู้นี้
งั้นสรุปว่า...รักน้าเบสุด ๆ เลย ละกัน นะ นะ จุ๊บ จุ๊บ
....ไปแระ ยายแม้นเหล่มาแล้ว....
....จะทำอะไร..ป้าฯอย่าให้มันดูประเจิด..ประเจ้อ...เกินเลยไปนัก..
.....บอร์ดนี้มีเด็กเล็กดูอยู่ด้วย(..ไอ้จุก...งัย..)....ขอเถอะ.....นะจ๊ะ...
.....จะมา..จุ๊บ../..มา..จิ๊บ..กันในกระทู้แบบนี้...มันดูโป้งโล้ง..โล่งแจ้งมากไปหน่อย...
.....ลูกเขามีพ่อมีแม่นะจ๊ะ....พี่เค๊าเขาจะเสียนะ..!!.
.....ระงับจิต...ระงับใจไว้บ้าง..เราเป็นหญิง...
.....ป้าฯไปหาเอาข้างหน้าเถอะ...ยายขอ...หวงอ่ะ...ขอบอก..อิอิ..งุงิงุงิ....
:014-Bow:
ปล......พี่เบ...นี่สเป็คยายเลย..!!.....ยายขอไว้ซักคน...
..นาปีนี้นี้หากได้ข้าวซัก 40 เกวียน...จะให้แม่ไปขอแระ....555
:072-Applaus90-90::072-Applaus90-90::072-Applaus90-90:
๔...
เข้าสู่ช่วงเดือนที่ควรจะเป็นฤดูหนาว แต่ยังมีฝนตกลงมาเรื่อยๆ และอากาศก็ไม่หนาวสักที
ที่ศาลาพรมแม้กวางป่ายังมารวมฝูงตามปรกติ แต่ไม่พบหมาในเข้ามาล่าเลย พบเห็นแค่ฝูงหมาใน
เดินทางผ่านไปมา จนไปพบซากกวางป่าที่ริมหนองน้ำห่างจากศาลาพรมราว ๓ กิโลเมตร
ถึงรู้ว่าหมาในเปลี่ยนไปซุ่มล่าเหยื่ออยู่ตามแหล่งน้ำเล็กๆ ที่ยังมีน้ำ ซึ่งในปีก่อนแหล่งน้ำนั้นแห้งขอด
ส่วนที่ทุ่งกะมังหมาในก็ไม่ได้ล่าในบริเวณเดิม ข่าวการปรากฏตัวตามที่ต่างๆ เป็นสถานที่ใหม่ๆ
ที่ผมไม่เคยบันทึกไว้ ผมจึงต้องกลับไปแกะรอยหมาในใหม่ จนเข้าสู่ฤดูฝนถึงพบตัว
เมื่อฝนแรกร่วงหล่นมา ผืนป่าที่แห้งแล้งก็กลับมาสู่ความเขียวขจี หญ้าที่เคยเหี่ยวแห้งเริ่ม
แทงแตกยอดใหม่ กวางป่าจะพากันมาหากินอยู่ตามริมน้ำที่มีหญ้าอ่อนขึ้นอยู่มากมาย
เย็นวันหนึ่งหมาในเข้าโจมตีฝูงกวางป่าที่หากินอยู่ติดกับริมน้ำ หมาในล้มเหลวเมื่อเจอการ
ป้องกันอย่างเข้มแข็งจากกวางตัวผู้หลายตัวที่มีเขาขนาดใหญ่และแข็งแรง ไม่ใช่เรื่องง่ายที่
หมาในจะล่าเหยื่อขนาดใหญ่ได้ พวกมันต้องใช้เวลาหลายวันตามหาเป้าหมายที่พอจะล่าได้
หรือบางครั้งก็วนเวียนอยู่นานเป็นสัปดาห์จึงมีโอกาสล้มกวางป่าสักหนึ่งตัว หลายครั้งที่ต้องล่า
ถอยเมื่อเผชิญหน้ากับกวางป่าที่แข็งแกร่ง การบาดเจ็บและบาดแผลที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงาน
ย่อมไม่มีใครเห็น
หากหมาในยังล่าไม่ได้และมีเหยื่อหากินอยู่ในบริเวณนั้น พวกมันจะหาโอกาสลงมือจน
กว่าจะสำเร็จ หรือไม่ก็จนกว่าจะมีเป้าหมายใหม่ ผมพอจะรู้จักนิสัยของหมาในอยู่บ้างจึง
มาเฝ้ารออยู่ที่ริมน้ำ หวังจะได้ถ่ายภาพการทำงานของหมาในอย่างสมบูรณ์แบบตั้งแต่ต้นจนจบ
เพราะถึงจะพบเห็นและถ่ายภาพมาหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้ดังที่หวังเอาไว้สักที
ช่วงฤดูฝนนอกจากจะต้องผจญกับกองทัพทาก ผมยังต้องคอยรบกับแมลงนานาชนิด
การทำงานกับสัตว์ป่าที่มีฆานประสาทดีเยี่ยมจึงไม่สามารถทาหรือใช้เครื่องป้องกันใดๆ
ที่มีกลิ่นผิดไปจากธรรมชาติ การรอในบังไพรแคบๆ แล้วมีแมลงมาไต่ตอมมันย่อมไม่ใช่
สิ่งที่น่ารื่นรมย์นัก ระหว่างที่คอยไล่แมลงที่บินอยู่ข้างๆ หูก็มีเสียงเหมือนตัวอะไรกระโจนลงน้ำ
มองลอดช่องบังไพรออกไปฝั่งตรงข้ามไกลกว่า ๒๐๐ เมตรก็เห็นกวางป่าตัวเมีย ๓ ตัวยืนอยู่ในน้ำ
ด้านหลังที่วิ่งอยู่บนฝั่งตามมาติดๆ คือฝูงหมาใน เสียงเห่าสั้นๆ แบ็กๆ แบ็กๆ ดังระงม
หมาในตัวหนึ่งกระโจนลงน้ำ ว่ายน้ำตรงเข้าหากวางป่า ทำให้กวางป่าหันกลับมาใช้สองขาหน้าถีบสู้
จนน้ำกระจาย เมื่อได้จังหวะกวางป่าจึงหนีจะไปขึ้นฝั่งอีกด้านหนึ่งที่เป็นดงทึบ แต่ก่อนจะถึงฝั่งกวางป่า
ก็ต้องชะงัก เมื่อมีหมาในหลายตัวโผล่ออกมาจากราวป่ากระโจนลงน้ำเข้าสกัดกั้นไม่ยอมให้ขึ้นจากน้ำ
กวางป่าหันกลับลอยคอตัดเวิ้งน้ำหนีลงน้ำลึก ส่วนหมาในก็ว่ายตามอย่างไม่ลดละ
จนไล่ต้อนกวางป่าเข้ามุมอับ หมาในตัวหนึ่งจึงกระโจนเข้ากัดหมายจะขย้ำคอเหยื่อแต่พลาด
กวางป่าเอี้ยวตัวหลบหันกลับมาใช้สองตีนตบลงบนหัวหมาในอย่างจังจนจมหายลงไปในน้ำ
หลายชั่วอึดใจกว่าหมาในตัวนั้นจะโผล่ขึ้นมาและลอยคอออกห่าง มันคงรู้ฤทธิ์เดชของกวางป่า
เข้าบ้างแล้ว
หมาในตัวอื่นๆ เมื่อเห็นเพื่อนถูกตอบโต้จึงได้แต่ลอยคออยู่รอบๆ ไม่กล้าผลีผลามเข้าโจมตี
กวางป่าที่หันหน้าเข้าสู้ใช้สองขาหน้าเป็นอาวุธป้องกันตัวอย่างได้ผล แต่มีตัวหนึ่งที่ดูตื่นกลัว
ได้แต่หลบอยู่ข้างหลังเพื่อน
กวางป่าตีฝ่าวงล้อมหนีออกมาได้อีกครั้ง ตัวที่แข็งแกร่งยังรักษาระยะห่างจากหมาในได้เป็นอย่างดี
แต่ตัวสุดท้ายที่ตื่นกลัวที่สุดดูอ่อนแรง จนหมาในว่ายน้ำตามมาทัน หนึ่งในฝูงกระโจนขึ้นคร่อมหลัง
ทำให้กวางป่าเสียหลักและช้าลง อีกตัวหนึ่งจึงได้จังหวะตรงเข้ากัดที่ส่วนหน้าพยายามดึงให้จมน้ำ
แต่ไม่สำเร็จกวางป่าดิ้นรนสลัดจนหลุด ทว่า... สายเกินไป
หมาใน ๖ ตัวได้ลอยคอรุมล้อมกวางป่าที่อ่อนล้าตัวนั้นเอาไว้ กวางป่า ๒ ตัวเมื่อเห็นเพื่อนเสียท่า
จึงหันกลับเข้ามาช่วย แต่ก็ถูกหมาใน ๒ ตัวว่ายน้ำออกไปสกัดไม่ให้เข้ามาขัดขวางพวกของมันที่
กำลังรุมเล่นงานเหยื่อ
ฝูงหมาในกัดที่หน้าและจมูก ดึงเหยื่อให้จมลงไปในน้ำครั้งแล้วครั้งเล่า จนเหยื่อสำลักน้ำและ
เริ่มหมดแรง ส่วนกวางป่าคู่นั้นก็ยังพยายามฝ่าด่านเข้ามาช่วยเพื่อน ทำให้หมาในอีก ๒ ตัว
ต้องผละจากเหยื่อช่วยกันเข้าไปไล่ต้อนกวางป่าจนต้องหนีไปยืนใช้ตีนตีน้ำขู่อยู่ไม่ห่างนัก
สุดท้ายจึงเหลือหมาใน ๒ ตัวที่รุมเล่นงานเหยื่อเคราะห์ร้าย หนึ่งในนั้นเป็นตัวที่ถูก
ติดปลอกคอวัยหนุ่มฉกรรจ์อายุราว ๒ ปี ส่วนตัวที่เป็นผู้นำเล่นงานเหยื่อคือจ่าฝูง
จ่าฝูงลากเหยื่อที่ไร้แรงต้านทานเข้าไปในกลุ่มต้นกกที่ตื้นพอให้มันยืนได้ จากนั้นจึงกัดเข้าที่
ลูกตาจนหลุดติดปากออกมา แต่เหยื่อยังดิ้นรนเอาชีวิตรอดด้วยแรงกำลังเฮือกสุดท้าย
ผู้ล่าต้องออกแรงขย้ำเข้าที่คออยู่พักใหญ่จนเหยื่อแน่นิ่งไป
หมาในกัดก้นลากไส้ออกมากินทั้งๆ ที่เหยื่อยังผงกหัวไปมา กินกันไม่กี่คำก็พากันว่ายน้ำ
กลับขึ้นฝั่ง เหยื่อตัวใหญ่และระยะทางไกลเกินกว่าที่มันจะลากกลับขึ้นมากินบนฝั่งได้
...ในที่สุดผมก็ได้ถ่ายภาพฉากการทำงานของหมาในตั้งแต่ต้นจนจบ
หมาในชอบกินเหยื่อโดยกัดเปิดก้นหรือท้องเข้าไปลากไส้และเครื่องในออกมากินก่อน
จากนั้นจะกัดฉีกหนังออกแล้วค่อยกินเนื้อที่อยู่ข้างใน มันจะเลือกกินเนื้อในบริเวณที่กิน
ได้ง่ายก่อนขาทั้งสี่ข้างจะเหลือเป็นส่วนท้ายๆ
หมาในมีเทคนิคการทำงานอย่างหนึ่งคือกัดตากวางป่าให้มองไม่เห็น จะได้หลบหนีลำบาก
เมื่อการทำงานสิ้นสุดลูกตาที่หลุดจึงถูกกินเป็นอันดับแรก จ่าฝูงเท่านั้นที่ได้สิทธิ์นี้เพราะคือ
ตัวแรกที่ได้กิน และเท่าที่พบ จ่าฝูงเป็นตัวนำในการกัดตาเหยื่อ
ด้วยเหตุนี้ซากกวางป่าที่ตกเป็นเหยื่อของหมาในจึงไม่เหลือลูกตา เรื่องนี้ทำให้นึกถึงเรื่องเล่า
ตอนเด็กๆ ที่คนเฒ่าคนแก่ชอบเอามาขู่ไม่ให้เด็กออกไปเที่ยวเล่นนอกบ้านยามค่ำคืน
โดยบอกว่าพวกหมาในชอบเยี่ยวรดตามใบไม้หรือโคนต้นไม้ในตอนหัวค่ำ กว่าพิษจะหมดฤทธิ์
ก็ตอนรุ่งสาง เยี่ยวของหมาในมีพิษ ถ้าไปโดนเข้าแล้วเผลอเอามือมาขยี้ตา-ตาจะบอด
แล้วเล่าถึงเรื่องกวางป่าที่ตาบอดเพราะไปโดนเยี่ยวของหมาในเข้า เลยถูกจับกินได้ง่ายๆ
ฉะนั้นจึงห้ามไม่ให้เด็กๆ ออกไปเล่นนอกบ้านในตอนกลางคืน... ไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องเล่าหลอกเด็ก
เฉยๆ หรือว่าคนสมัยก่อนเห็นซากสัตว์ที่ถูกหมาในกินแล้วไม่เหลือลูกตาไว้ เลยเข้าใจว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ
จากที่เคยสงสัยว่าหมาในกลัวน้ำ และคิดว่ากวางป่าหนีลงไปในน้ำเพื่อความได้เปรียบที่ตัวสูงกว่า
แต่พอมาเห็นหมาในไล่กวางป่าลงน้ำ และไม่ยอมให้หนีขึ้นจากน้ำทำให้ต้องเปลี่ยนความคิด
หมาในแสดงให้เห็นว่าหากเอาจริง บึงน้ำก็ไม่เป็นอุปสรรค หมาในว่ายน้ำเก่ง มุดน้ำได้
และมีความทรหดอดทนสูง
ปรกติหมาในฝูงนี้มีสมาชิก ๘ ตัว แต่คราวนี้มีไม่น้อยกว่า ๑๒ ตัวที่ทำงานร่วมกัน ยังไม่นับ
ที่อยู่ในชายป่าอีกจำนวนหนึ่ง ผมแน่ใจว่าเป็นการรวมตัวของหมาใน ๒ ฝูงเพื่อล่าเหยื่อ
ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๔๐ พี่กิตติพบหมาในรวมฝูงกันมากถึง ๔๒ ตัว เข้ามาล่ากวางป่าหลายตัว
ในวันเดียวกันบริเวณทุ่งกะมัง หลังจากนั้นมาก็ไม่เคยมีใครพบเห็นหมาในรวมฝูงใหญ่ขนาดนั้น
ในป่าภูเขียวอีกเลย
ธรรมชาติของสัตว์ป่าจะหวงถิ่นและมีอาณาเขตเป็นของตนเอง หากเจ้าถิ่นรู้ว่ามีการรุกล้ำข้ามแดน
จากสัตว์ป่าชนิดเดียวกันจะเข้าไปขับไล่ทันที ถ้าผู้บุกรุกไม่ยอมถอย ก็ต้องต่อสู้กัน บางครั้งอาจหนัก
ถึงขั้นบาดเจ็บล้มตาย การพบหมาใน ๒ ฝูงหากินในพื้นที่เดียวกัน และบางครั้งยังรวมตัวกันล่าเหยื่อ
เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักในสัตว์นักล่าอื่นๆ เหตุผลที่เป็นไปได้คือบริเวณนั้นมีอาหารอุดมสมบูรณ์
เพียงพอต่อการแบ่งปัน หรือว่าเป็นเครือญาติเดียวกันที่แยกออกไปตั้งฝูงใหม่
...และก็เหมือนทุกปีที่ผ่านมาพอเข้าสู่ฤดูมรสุมฝูงหมาในก็หายตัวไป
:014-Bow:.....ขอบคุณ.......ขอใด้รับ....การคารวะจากยาย....งามๆ 3 ครั้ง....
.....สุดยอดจริงๆ......
.....สุดยอดแห่งความตั้งใจ....ความอดทน...และความพยายามอันสูงสุด...
.....ทั้งความรู้ที่ยังไม่มีนักวิจัยใดติดตามให้เป็นรูปธรรม.....ทั้งภาพประกอบที่งดงาม..(..แม้จะโหดร้าย..)....
.....ขอขอบคุณ..ขอบคุณ...ด้วยใจ....:014-Bow:
:014-Bow::014-Bow::014-Bow: คำเดียวสั้นๆเลยครับพี่เบ....สุดยอด :088::088::088:
นักเรียนน้อย
นายพันร่ายทุ่ง
ภาพ “การทำงานของหมาใน” รางวัลชนะเลิศถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จากการประกวดภาพถ่ายอนุรักษ์
ธรรมชาติ “สัตว์มีค่า ป่ามีคุณ” ของกรมป่าไม้ ประจำปี ๒๕๔๔ (ถ่ายเมื่อ ปลาย พ.ค. ๒๕๔๔ ที่บึงน้ำข้างๆ เรือนประทับฯ ทุ่งกะมัง เขตฯ ภูเขียว)
(Canon eos3 + 300 f4 is +1.4x fuji provia 100 Push 2 stop;speed (ประมาณ) 1/30 s f 5.6 Av mode)
ขอบคุณครับ ได้ความรู้มากเชียวครับ
ย่างเข้าฤดูหนาวผมได้พบเห็นการทำงานของหมาในที่พิเศษกว่าทุกครั้ง นับเป็นครั้งแรกที่
ผมเห็นหมาในตัวเดียวล่าเหยื่อขนาดใหญ่ได้สำเร็จ เหยื่อคือเนื้อทรายตัวผู้ที่มีขนาดใหญ่
กว่าหมาในกว่าเท่าตัว หมาในใช้วิธีไล่เหยื่อให้หนีลงน้ำและตามลงไปดึงให้จมน้ำแค่ไม่กี่อึดใจ
เนื้อทรายที่ใจเซาะก็ขาดใจตาย
วันแรกมันลากเหยื่อขึ้นมากินบนฝั่งเพียงลำพัง วันต่อมาจึงมีหมาในอีกตัวหนึ่งมาร่วมกินซาก
ผมไม่แน่ใจว่าเป็นคู่ที่แยกตัวออกจากฝูงมาถาวร หรือว่าหลบจากฝูงมากินกันแค่นั้น มันเป็น
ฉากการทำงานของหมาในครั้งสุดท้ายที่ผมเห็นก่อนจะยุติการติดตามเรียนรู้วิถีชีวิตของพวกมัน
กว่า ๓ ปีที่ตามรอยหมาใน ผมหาคำตอบได้หลายข้อ ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับความคิดของคนทั่วไปนัก
เช่น หมาในกลัวคนมากที่สุด
หลายครั้งที่ผมสบตากับหมาในใกล้ๆ โดยปราศจากสิ่งพรางตัว ใกล้ที่สุดคือ ๕ เมตร ครั้งนั้น
ผมเห็นพวกมันหยอกล้อเล่นกันอยู่ข้างทางจึงคลานไปหมอบนอนดูอยู่บนถนน แต่แล้วจู่ๆ
หมาในตัวหนึ่งก็โผล่มาจากพงหญ้าจะข้ามถนนตามไปหาเพื่อนๆ เราหันมาสบตากัน
มันยืนนิ่งจ้องมองผมอยู่นาน จนผมยกกล้องจะถ่ายภาพ มันจึงส่งเสียงครางในลำคอและวิ่ง
ข้ามถนนไปหาฝูง จากนั้นฝูงหมาในก็อันตรธานไป